วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

ตำนานศึกเทพเจ้าแห่งไอยคุปต์


ในสมัยโบราณเมื่อแรกที่ รา (RA) สุริยเทพได้สร้างโลกและมนุษย์ขึ้น



พระองค์ได้ทรงขึ้นครองราชย์เป็นฟาโรห์พระองค์แรกของดินแดนอียิปต์
โดย สุริยเทพราทรงมี โอรสและธิดาห้าพระองค์ คือ    
คือ โอซิริส(Osiris) ฮามาคิส (Harmakhis)  เซ็ท(Seth)  ไอซิส(Isis) และเนพทิส(Nephtys)


 เซ็ท(Seth)


เนพทิส(Nephtys)

ไอซิส(Isis)

เมื่อเจริญวัยขึ้น โอรสและธิดาของพระองค์ได้อภิเษกกันเอง ตามประเพณีของไอยคุปต์
กล่าวคือ เทพโอซิริส อภิเษกกับ เทพีไอซิส


ส่วน เทพเซ็ทอภิเษกกับเทพีเนพทิส


มีเพียงเทพฮามาคิส เท่านั้นที่มิได้อภิเษกกับผู้ใด

กาลเวลาล่วงมาจนกระทั่งเมื่อ รา สละราชสมบัติ เทพโอซิริสในฐานะโอรสองค์โตจึงขึ้นครองราชย์ เป็นฟาโรห์แห่งอียิปต์
แต่เทพเซ็ทผู้อนุชาปรารถนาในราชบัลลังก์จึงวางแผนปลงพระชนม์พระเชษฐา
เพื่อการณ์นี้ เซ็ทได้สร้างหีบใบหนึ่งขึ้นมาอย่างวิจิตรงดงามและถวายแด่พระเชษฐา
หากแต่มีข้อแม้ว่า โอซิริสต้องเข้าไปนอนในหีบนี้ได้พอดี ความงามของหีบต้องใจองค์ฟาโรห์จนพระองค์รีบเสด็จก้าวเข้าไปโดยมิทันสงสัย
และทันทีที่โอซิริส เสด็จเข้าไป เทพเซ็ทก็ปิดหีบและมัดอย่างแน่นหนา จากนั้นจึงนำหีบทิ้งลงแม่น้ำไนล์

หีบดังกล่าวลอยไปติดกับต้นทามาริสต์ และถูกกิ่งก้านของต้นไม้ห่อหุ้มจนมิดชิด
ต่อมา ราชาแห่งนครไบบลอสได้นำต้นไม้ดังกล่าวไปทำเสาประดับในโถงพระโรง โดยมิทรงทราบว่ามีหีบศพอยู่ข้างใน
ฝ่ายไอซิส รับทราบมรณกรรมของสวามี ด้วยความรันทด
นางจึงออกจากอียิปต์เพื่อค้นหาร่างของสวามีระหว่างนั้นนางได้กำเนิดโอรสนามว่า ฮอรัส 
เมื่อทราบว่าหีบศพอยู่ที่ไบบลอส นางได้ฝากโอรสไว้ที่เกาะแซมมิสและ
จำแลงร่างเป็นหญิงชราเข้าไปในวังของกษัตริย์ไบบลอสเพื่อถวายการดูแลโอรสของพระองค์ที่ทรงประชวร จนหายเป็นปกติ

คืนวันหนึ่ง  นางได้ลอบเข้าไปในท้องพระโรงและร่ำให้กับเสาที่หีบศพอยู่ข้างใน ราชินีแห่งไบบลอสมาพบเข้า และรับทราบเรื่องราวทั้งหมด ด้วยความสงสารราชาและราชินีแห่งไบบลอส จึงมอบเสาต้นนั้นและหีบศพให้เทพีไอซิส พระนางนำหีบนั้นกลับอียิปต์ และไปไว้ที่เกาะแซมมิส
ข้าจะไม่ให้มันได้ตายอย่างสงบเทพเซ็ท ประกาศเมื่อทราบเรื่อง จากนั้นพระองค์ได้เสด็จมายัง แซมมิสและสับร่างพระเชษฐา ออกเป็น 14 ชิ้น ทิ้งลงแม่น้ำไนล์  เทพีไอซิสและอนูบิสผู้เป็นหลานชายได้ช่วยกันเก็บร่างของโอซิริสขึ้นมาและทำเป็นมัมมี่ เพื่อรอวันคืนชีพ

กล่าวฝ่ายเซ็ท หลังจากจัดการกับร่างของโอซิริสแล้ว ก็ได้จำแลงร่างเป็นแมงป่องลอบเข้าไปต่อยฮอรัสในที่บรรทมจนสิ้นพระชนม์  “โอ  ข้าแต่สุริยเทพ สวามีของข้าได้สิ้นไปแล้ว ไยต้อง พรากชีวิตโอรสของข้าด้วยไอซิสคร่ำครวญ เมื่อทราบเรื่อง และด้วยบูญญาธิการของฮอรัส จึงทำให้พระองค์คืนชีพอีกครั้ง ยังความเคียดแค้นแก่เทพเซ็ทมาก จงระวังไว้ให้ดี เมื่อใดที่มันเติบใหญ่ขึ้น  ข้าจะเอาชีวิตมันเซ็ทประกาศก้อง
ฮอรัสเติบใหญ่ขึ้นด้วยการเลี้ยงดูของพระมารดาที่แซมมิส และได้รับการฝึกเพลงอาวุธและเวทมนต์ จากพระมารดาและเทพฮามาคิสต์ผู้เป็นลุง เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ฮอรัสและฮามาคิสต์พร้อมเหล่านายทัพ ก็ยกไพร่พลมาชิงบัลลังก์คืนและล้างแค้นให้พระบิดา กองทัพของเซ็ทปะทะกับกองทัพของฮอรัสที่เอ็ดฟู ริมแม่น้ำไนล์ และสงครามก็เริ่มขึ้น

เทพฮอรัสผู้มีเศียรเป็นเหยี่ยว ต่อสู้กับเทพเซ็ท ผู้มีเศียรเป็นลา)

หลังจากต่อสู้ได้ไม่นานทหารของเซ็ท ก็เริ่มล่าถอย ฮามาคิสต์ได้กลายร่างเป็นสฟิงส์ยักษ์และตะปบเหล่าทหารศัตรูที่กำลังแตกพ่ายเอาไว้ได้   
วันเวลาของท่านกำลังจะจบลงแล้ว เซ็ทฮอรัสประกาศก้องกลางสมรภูมิ แต่เซ็ทยังไม่ยอมแพ้พระองค์โจนลงแม่น้ำไนล์และได้แปลงร่างเป็นฮิปโปโปเตมัสยักษ์เข้าเล่นงานฮอรัส  เจ้าชายหนุ่มกระโดดขึ้นหลังของมัน และเสกฉมวกเหล็กยาวสามสิบฟุตแทงลงไปยังศรีษะฮิปโป ทะลุผ่านสมอง ยังผลให้เทพเซ้ทสิ้นพระชนม์ทันที
หลังจากนั้น ฮอรัสก็ขึ้นเป็นฟาโรห์ปกครองอียิปต์ พระนามของพระองค์ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ ของฟาโรห์ทุกพระองค์นับแต่นั้นมา

ที่มา Click








0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น