ตำนานความลี้ลับแห่งดินแดนไอยคุปต์ ยังคงเป็นปริศนาที่น่าสนใจมาจนกระทั่งทุกวันนี้ การค้นหาอดีตอันรุ่งโรจน์ของชาวไอยคุปต์ ถือเป็นสิ่งที่นักโบราณคดีทุกคนต่างใฝ่ฝัน ด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่ง พวกเขาจะได้พบโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ซึ่งหาที่เปรียบไม่ได้ จนทำให้หลายคนต่างลืมเลือนความน่าสะพรึงกลัวของดินแดนแห่งนี้ไปจนหมด
แม้ดินแดนไอยคุปต์จะล่มสลายมานานหลายร้อยปี
แม้ดินแดนไอยคุปต์จะล่มสลายมานานหลายร้อยปี
และยังเป็นที่เลื่องลือเกี่ยวกับอาถรรพ์แห่งคำสาป แต่สิ่งเหล่านั้นกลับยิ่งดึงดูดให้ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ต่างพากันมาเยือนดินแดนแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย รวมทั้ง คริส แม็คคลอเวล นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับตำนานของดินแดนแห่งนี้มานานหลายปี
จนกระทั่ง ในปี 1980 คริสก็ได้เดินทางไปเยือนดินแดนไอยคุปต์เป็นครั้งแรก และสถานที่ที่เขาเลือกจะไปค้นหาปริศนาของดินแดนแห่งนี้ก็คือ เมือง ตานิส ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตอนล่าง ทางทิศตะวันออกของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์
จนกระทั่ง ในปี 1980 คริสก็ได้เดินทางไปเยือนดินแดนไอยคุปต์เป็นครั้งแรก และสถานที่ที่เขาเลือกจะไปค้นหาปริศนาของดินแดนแห่งนี้ก็คือ เมือง ตานิส ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตอนล่าง ทางทิศตะวันออกของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์
หลังจากที่ได้อ่านประวัติของ นายออกัสต์ มาเรียตเต นักโบราณคดีที่เดินทางมาสำรวจเมืองตานิสเป็นคนแรก คริสก็เริ่มสนใจเมืองนี้ขึ้นมาทันที เขามั่นใจว่าภายใต้พื้นดินบริเวณนั้น จะต้องมีโบราณวัตถุที่ทรงคุณค่าซุกซ่อนอยู่เป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน
ปฏิบัติการสำรวจเมืองตานิส หนึ่งในหลายอารยธรรมอันรุ่งเรื่องของดินแดนไอยคุปต์ ได้เริ่มขึ้นด้วยการที่ คริส เดินทางมาขออนุญาตทางการของประเทศอียิปต์
ปฏิบัติการสำรวจเมืองตานิส หนึ่งในหลายอารยธรรมอันรุ่งเรื่องของดินแดนไอยคุปต์ ได้เริ่มขึ้นด้วยการที่ คริส เดินทางมาขออนุญาตทางการของประเทศอียิปต์
เพื่อขุดสำรวจเมืองดังกล่าว ในตอนแรกทางการอียิปต์ปฏิเสธ เพราะเห็นว่าเมืองแห่งนี้ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างมาก จึงไม่ต้องการให้ใครเข้าไปล่วงล้ำ ซึ่งยิ่งสร้างความสนใจใคร่รู้แก่คริสมากขึ้น เขาพยายามติดต่อกับเจ้าหน้าที่ทางราชการของอียิปต์อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งในที่สุด เขาก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปสำรวจเมืองตานิสได้
คริสได้จ้างวานนักสำรวจอีก 3 คน ให้เข้าไปช่วยเขาขุดค้นหาโบราณวัตถุอันมีค่า ยังบริเวณกำแพงแห่งหนึ่งของเมืองตานิส โดยมีเจ้าหน้าที่ของทางการอียิปต์ ร่วมเดินทางไปในคณะสำรวจครั้งนี้ด้วย 2 คน คริสเชื่อว่าบริเวณกำแพงแห่งนี้ น่าจะเป็นที่ตั้งสุสานของฟาโรห์ หรือสุสานของเชื้อพระวงศ์องค์ใดองค์หนึ่งแห่งราชวงศ์ไอยคุปต์ก็เป็นได้
การขุดค้นได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และวันหนึ่งพวกเขาก็ขุดพบโพรงขนาดใหญ่พอสมควรซ่อนตัวอยู่ใต้ซากกำแพงแห่งนี้ ในครั้งแรกพวกเขาดูไม่ค่อยสนใจกับมันซักเท่าไหร่ แต่พอยิ่งขุดลึกเข้าไป พวกเขาก็เจอเข้ากับซากของปล่องไฟเล็กๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า มันถูกสร้างขึ้นมาสำหรับใช้ในสุสานอย่างแน่นอนคณะสำรวจยังคงก้มหน้าก้มตาขุดค้นบริเวณโดยรอบต่อไป และในที่สุด
พวกเขาก็เจอกำแพงทึบซึ่งมีประตูกั้นอยู่ จึงช่วยกันพังประตูบานนั้นเข้าไป ทำให้เศษอิฐ เศษหินพังทะลายเข้าไปทับถมอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังพอมองเห็นทางเดินขนาดกว้างพอประมาณ ที่ทอดยาวไปสู้ห้องเล็กๆห้องหนึ่ง
ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้สำหรับพิธีการทำศพ บริเวณกลางห้องมีแท่นขนาดใหญ่ทำด้วยเงินตั้งอยู่ ซึ่งมีหีบบรรจุเครื่องนุ่งห่มของกษัตริย์วางซ้อนอยู่ข้างบนด้วย แม้ว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นจะเปื่อยยุ่ยไปตามกาลเวลา แต่มันก็ยังมีคุณค่าในสายตาของนักสำรวจทุกคน นอกจากนี้พวกเขายังพบหีบขนาดเล็กที่ทำด้วยเงิน รูปสลักของเทพเจ้า เครื่องเงิน เครื่องทอง และสิ่งของประดับอันมีค่าเป็นจำนวนมาก
ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ของทางการอียิปต์ ได้ทำการจดบันทึกการค้นพบในครั้งนี้ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อทำรายงานต่อไป ไม่มีใครได้ทันสังเกตว่า คริสได้แอบหยิบกำไลเงินอันหนึ่งติดมือมาด้วย เพราะเขารู้สึกว่า มันน่าจะเป็นของที่ระลึก สำหรับการเดินทางมาค้นหาปริศนาอันเร้นลับของดินแดนไอยคุปต์ ที่เขาจะนำไปอวดคนที่รู้จักได้เป็นอย่างดี
หลังจากนั้นคณะสำรวจทั้งหมดก็เดินทางกลับ ขณะที่คริสก็รีบตีตั๋วเครื่องบินกลับประเทศอังกฤษทันที พร้อมกับตั้งใจจะนำกำไลเงินที่แอบหยิบติดมือมาได้ ไปอวดแดนนี่ เพื่อนสนิทของเขา แต่เมื่อเดินทางมาถึงอังกฤษ ซึ่งตรงกับช่วงเวลากลางคืนพอดี คริสจึงต้องตรงกลับบ้านก่อน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะโทรไปบอกแดนนี่ไว้ก่อนว่า วันรุ่งขึ้นเขามีสิ่งของบางอย่างจะนำไปอวด
ระหว่างที่คริสกำลังอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้านอนนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนมีใครกำลังรื้อค้นห้องนอนของเขาอยู่ คริสจึงเปิดประตูออกมาดู แต่ก็ไม่เห็นใคร หลังจากอาบน้ำเสร็จ คริสก็รื้อเสื้อผ้าออกมาจัดเข้าตู้ให้เรียบร้อย แล้วก็หยิบกระเป๋าใบเล็กซึ่งใส่กำไลเงินออกมาดู แต่เมื่อเขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากลับไม่พบกำไลอยู่ในนั้น คริสเริ่มสงสัยว่า กำไลมันหายไปได้อย่างไรกัน เขาลองค้นหาจนทั่วก็ไม่เจอ จึงพยายามทบทวนความทรงจำว่า ได้เก็บกำไลไว้ที่ไหนกันแน่ แต่เขาก็มั่นใจว่า ได้ใส่มันลงกระเป๋าใบเล็กเองกับมือ รุ่งเช้า แดนนี่โทรมาหาคริสเพื่อทวงถามถึงสิ่งของ ที่คริสสัญญาว่าจะนำไปให้ดู ซึ่งคริสต้องบอกความจริงกับเพื่อนไปว่า เขาได้นำกำไลซึ่งเป็นสมบัติของชาวไอยคุปต์ติดมือกลับมาด้วย แต่ว่าตอนนี้มันได้อันตรธานหายไปแล้ว แดนนี่จึงรีบตรงมาหาคริสที่บ้าน และช่วยกันค้นหากำไลอันนั้นอีกครั้ง
ในระหว่างที่ทั้งสอง กำลังง่วนอยู่กับการรื้อค้นสิ่งของภายในห้องนอน แดนนี่ก็เกิดเอะใจอะไรบางอย่าง เขาจึงหยิบกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาเปิดดูข้างใน แล้วก็พบกำไลเงินอันหนึ่งอยู่ในนั้น เขาจึงหันไปถามคริสเพื่อความแน่ใจว่า ใช่กำไลอันที่คริสพูดถึงรึเปล่า พอคริสเห็นกำไลอันนั้นอยู่ในกระเป๋า เขาก็ถึงกับยืนตาค้าง เพราะแน่ใจว่า เขาได้ค้นดูในกระเป๋าใบนั้นทุกซอกทุกมุมแล้ว ไม่มีทางที่กำไลอันใหญ่จะเล็ดรอดสายตาของเขาไปได้ แล้วมันกลับมาอยู่ในกระเป๋าได้อย่างไรกัน
คริสเริ่มเอะใจขึ้นมาว่า จะต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล เกี่ยวกับกำไลอันนี้อย่างแน่นอน เขาเริ่มนึกถึงอาถรรพ์คำสาปอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวไอยคุปต์ขึ้นมาทันที ด้วยความกลัวคริสจึงบอกกับแดนนี่ว่า เขาจะนำกำไลกลับไปคืนไว้ที่เก่า แต่ยังไม่ทันที่คริสจะได้ทำเช่นนั้น คืนวันเดียวกันนั่นเอง ขณะที่เขากำลังนอนหลับอยู่ในห้อง จู่ๆเตียงของเขาก็สั่นไปมาอย่างแรง ทำให้ร่างของคริสกระเด็นลงมากองอยู่กับพื้น
คริสลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาก็เห็นร่างของชายคนหนึ่ง แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับอันมีค่าคล้ายกับคนสมัยโบราณ กำลังมองมาที่เขา จากนั้นชายคนดังกล่าว ก็เอื้อมมือมาจับคอของคริสไว้ และค่อยๆยกร่างของเขาขึ้นสูงจากพื้นทีละนิด ทีละนิด จนเกือบชิดเพดานห้อง
ขณะที่คริสเริ่มตาเหลือกด้วยความหวาดกลัว และพยายามร้องขอชีวิต แต่ดูเหมือนว่าชายคนนั้น จะฟังที่คริสพูดไม่เข้าใจ เขายังคงเหวี่ยงร่างของคริสหมุนไปทั่วห้องด้วยความเมามัน จากนั้นก็ปล่อยให้ร่างของคริส กระเด็นไปกระแทกกับผนังห้องอย่างแรง ส่งผลให้เขาถึงกับสลบเหมือดไปทันทีที่คริสรู้สึกตัวขึ้นมา หลังจากที่เพื่อนบ้านมาเห็นเหตุการณ์เข้า และรีบพาตัวเขาส่งโรงพยาบาล คริสก็พบว่าอาการของตัวเองอยู่ในขั้นโคม่าเสียแล้ว ในขณะนั้นเขารู้สึกว่า ความเจ็บปวดมันกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขา แม้แพทย์จะฉีดยาเพื่อบรรเทาอาการปวดให้ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ทุเลาเบาบางลงเลย คริสเริ่มรับรู้ถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิตขึ้นมาในทันที
อย่างไรก็ตาม คริสยังพยายามติดต่อกับแดนนี่ เพื่อขอร้องให้แดนนี่นำกำไลอันที่เขาขโมยมา ไปคืนยังที่เดิม เพราะคริสแน่ใจว่าเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวเองทั้งหมด ต้องเกิดจากอาถรรพ์คำสาปอันน่าสะพรึงกลัวแห่งดินแดนไอยคุปต์อย่างแน่นอน แม้ว่าการนำกำไลอันนั้นไปคืนยังเจ้าของ จะไม่ได้ช่วยยื้อชีวิตของเขาขึ้นมาจากความตายได้ แต่คริสก็รู้สึกว่ามันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครต้องมารับเคราะห์ จากอำนาจอันลี้ลับแห่งไอยคุปต์ เช่นเดียวกับเขาอีกต่อไป